องค์ประกอบสำคัญของฐานะซื้อคอลออปชัน
ฐานะซื้อคอลเทียบกับกลยุทธ์อื่น
ฐานะซื้อคอลออปชัน (Long Call Option) สร้างเงินกำไรแก่นักลงทุนหลังจากราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงต่ำ ในบทความนี้ เราอธิบายข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฐานะซื้อคอล วิธีเทรด ข้อดีและข้อเสีย และวิธีที่นักลงทุนจะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรโดยใช้เครื่องมือนี้
ฐานะซื้อคอลออปชันคืออะไร?
คอลออปชัน (Call Option) คือสัญญาทางการเงินที่ให้นักลงทุนหรือผู้ถือมีสิทธิ (แต่ไม่ใช่ภาระผูกพัน) ในการซื้อสินทรัพย์ ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต (ราคาใช้สิทธิ) ภายในระยะเวลาที่กำหนด สินทรัพย์อ้างอิงเป็นได้ตั้งแต่หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ พันธบัตร สกุลเงิน ดัชนี และอื่น ๆ
แตกต่างจากการซื้อหุ้น ซึ่งนักลงทุนต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนทันที แต่นักลงทุนจ่ายเงินเริ่มแรกเล็กน้อยเพื่อซื้อคอลออปชัน ตัวอย่างเช่น หากต้องการซื้อ 100 หุ้น ในราคา $50/หุ้น คุณต้องจ่าย $5,000
ในทางกลับกัน การซื้อคอลออปชันจะต้องจ่ายเงินเพียงเศษเสี้ยวของมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิง (พรีเมียม) ตัวอย่างเช่น หากพรีเมียมคอลออปชันหุ้นดังกล่าวเท่ากับ $2/หุ้น คุณจะต้องจ่าย $200 เพื่อสิทธิซื้อ 100 หุ้น ณ ราคาใช้สิทธิ
เงินจำนวนนี้จะไปยังผู้ขายคอลออปชัน ซึ่งผู้ขายต้องส่งมอบหุ้นดังกล่าวหากผู้ซื้อใช้สิทธิซื้อ กลยุทธ์นี้เรียกว่า ฐานะขายคอลออปชัน (Short Call Option) นอกจากนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายอาจเลือกเลิกสัญญาได้
ฐานะซื้อคอลออปชันหมายถึงฐานะของผู้ซื้อคอลออปชัน เมื่อนักลงทุนซื้อคอลออปชัน นักลงทุนมีฐานะ 'ซื้อ' ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสร้างเงินกำไรจากแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อสร้างเงินกำไรหากราคาสินทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้นเหนือราคาใช้สิทธิบวกพรีเมียมที่จ่าย

องค์ประกอบสำคัญของฐานะซื้อคอลออปชัน
องค์ประกอบสำคัญของฐานะซื้อคอลออปชัน
- พรีเมียม คือ ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายเพื่อซื้อคอลออปชัน ซึ่งนักลงทุนจะขาดทุนไม่เกินจำนวนนี้ หากปล่อยให้ออปชันหมดอายุโดยไม่ใช้สิทธิ
- ราคาใช้สิทธิ คือ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งผู้ถือมีสิทธิซื้อสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งเป็นราคาคงที่ ณ ตอนซื้อออปชัน และจำเป็นต่อการพิจารณาความสามารถในการทำกำไร
- วันหมดอายุ คือ วันที่กำหนดให้เลือกใช้สิทธิหรือปล่อยให้หมดอายุ
แนวคิดสำคัญเพิ่มเติมเกี่ยวกับฐานะซื้อคอลออปชัน ได้แก่
- จุดคุ้มทุน: ราคาหุ้นที่ต้องไปให้ถึงเพื่อคุ้มทุน สำหรับคอลออปชัน จะเท่ากับราคาใช้สิทธิ + พรีเมียมที่จ่าย คุณจะสร้างเงินกำไรต่อเมื่อราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิ + พรีเมียมที่จ่าย
- ศักยภาพการสร้างเงินกำไร: จำนวนเงินกำไรสูงสุดที่คุณอาจได้รับ สำหรับคอลออปชัน ยิ่งราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้เงินกำไรมากเท่านั้น
- ความเสี่ยง: ผลขาดทุนสูงสุด สำหรับฐานะซื้อคอล คุณจะขาดทุนไม่เกินค่าพรีเมียมที่จ่าย แม้ราคาหุ้นจะดิ่งลง คุณจะไม่ขาดทุนมากกว่านี้
- ค่าเสื่อมทางเวลา (Time Decay): ออปชันเสื่อมมูลค่าลงตามเวลาที่เข้าใกล้วันหมดอายุ หากหุ้นไม่เคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดการณ์ไว้รวดเร็วพอ ออปชันอาจไม่มีค่า แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นในภายหลังก็ตาม
- ผลกระทบจากความผันผวน: ราคาหุ้นแกว่งมากน้อยเพียงใด ยิ่งราคาหุ้นผันผวนมาก คอลออปชันก็ยิ่งได้รับประโยชน์มาก เพราะราคาหุ้นมีโอกาสพุ่งเหนือราคาใช้สิทธิมากขึ้น
ข้อดี
เลเวอเรจ หนึ่งในข้อดีของคอลออปชันคือนักลงทุนควบคุมมูลค่าสัญญาขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนเริ่มแรกเล็กน้อย ทำให้มีโอกาสสร้างเงินกำไรมหาศาลจากเลเวอเรจ
ความเสี่ยงจำกัด คอลออปชันมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ชัดเจน ช่วยให้ผู้ซื้อควบคุมผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
ความยืดหยุ่น ในการเทรดออปชัน นักลงทุนสามารถเลือกสัญญาที่มีวันหมดอายุแตกต่างกัน จึงปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับภาพรวมตลาดได้ทุกเมื่อ
ศักยภาพการสร้างเงินกำไร หากนักลงทุนตัดสินใจได้ถูกต้อง นักลงทุนจะสร้างเงินกำไรมหาศาล โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง ซึ่งราคาสินทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อเสีย
คุณอาจขาดทุนจากสัญญาในบางกรณี แต่จะไม่เกินพรีเมียมที่จ่าย
เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น สกุลเงิน ออปชันไม่ได้เปลี่ยนแปลงในอัตราเดียวกับสินทรัพย์อ้างอิง ในบางกรณี ออปชันอาจเคลื่อนไหวเพียง $0.7 ต่อการเคลื่อนไหว $1 เพราะค่าเดลต้า
เดลต้า (Delta) คือตัวเลขสำคัญในการเทรดออปชัน ซึ่งบอกว่าราคาออปชันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์อ้างอิง (อย่างเช่น หุ้น) ที่เคลื่อนไหว $1 แสดงให้เห็นว่าออปชันอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิงเพียงใด
- เดลต้าจะมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 1 สำหรับคอลออปชัน
- ค่าเดลต้าที่สูงหมายถึงออปชันอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นสูง
- ค่าเดลต้าที่ต่ำหมายถึงออปชันจะเคลื่อนไหวน้อยกว่าราคาหุ้น
ตัวอย่างเช่น หากคอลออปชันมีค่าเดลต้า 0.2 และราคาหุ้นเพิ่มขึ้น $1 ราคาออปชันควรจะเพิ่มขึ้นประมาณ $0.20
ค่าเดลต้าเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ในช่วงเริ่มต้นของออปชันหรือเมื่อราคาใช้สิทธิยังสูงกว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ ขณะนั้นมาก ๆ ค่าเดลต้ามักจะต่ำ เพราะโอกาสที่ออปชันจะสร้างเงินกำไรน้อยกว่า
ฐานะซื้อคอลเทียบกับกลยุทธ์อื่น
เราจะอธิบายความแตกต่างระหว่างคอลออปชันและกลยุทธ์การเทรดอื่น
ฐานะซื้อคอลออปชันกับการซื้อหุ้น นักลงทุนใช้เงินทุนเพื่อเปิดสัญญาซื้อคอลน้อยกว่าซื้อหุ้น ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในกรณีที่สัญญาไม่สร้างเงินกำไร ยิ่งกว่านั้น นักลงทุนที่เทรดในตลาดหุ้นหรือลงทุนหุ้นจะไม่มีข้อจำกัดเวลาแบบเดียวกับที่การเทรดออปชันมี
ฐานะซื้อคอลออปชันกับฐานะขายคอลออปชัน ฐานะขายคอลออปชันจะตรงกันข้ามกับฐานะซื้อคอล ในกลยุทธ์นี้ ผู้ขายคอลออปชันได้รับพรีเมียมเพื่อแลกกับภาระผูกพันที่จะขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาใช้สิทธิ หากผู้ซื้อเลือกใช้สิทธิซื้อ กลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดขาลงหรือตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน (ขึ้นอยู่กับบริบท) เพราะผู้ขายได้เงินกำไรเมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิงอยู่ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของผู้ขายมีไม่จำกัด หากราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้ขายอาจต้องซื้อสินทรัพย์ในราคาตลาดที่สูงกว่าเพื่อขายในราคาใช้สิทธิที่ต่ำกว่า
ตัวอย่าง
แผนภาพด้านล่างอธิบายฐานะซื้อคอล ข้อแรก นักลงทุนควรทราบว่าความเสี่ยงสูงสุดจะไม่เกินต้นทุนของออปชัน ดังนั้น ผลตอบแทนที่อาจได้รับและศักยภาพการสร้างเงินกำไรจึงไม่จำกัด
ข้อที่สอง นักลงทุนจะมีเงินกำไรต่อเมื่อราคาสินทรัพย์สูงกว่าราคาใช้สิทธิ + พรีเมียมที่จ่าย ณ วันหมดอายุ
ในตัวอย่างด้านล่าง ฐานะซื้อคอลออปชันมีราคาใช้สิทธิ $100 ค่าพรีเมียม $5 โอกาสขาดทุนสูงสุด $500 และผลตอบแทนไม่จำกัดหากราคายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนต้องทราบว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงต้องสูงกว่า $105 ณ วันหมดอายุเพื่อรับเงินกำไร

1. ผลขาดทุนสูงสุด
2. จุดคุ้มทุน: $105
3. กำไรสูงสุดไม่จำกัด
วิธีใช้ฐานะซื้อคอลออปชัน
การใช้ฐานะซื้อคอลออปชันเกี่ยวกับการซื้อคอลออปชันเมื่อคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น หากต้องการใช้กลยุทธ์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์ตลาด ต้องวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อระบุสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า
- เลือกราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุ หลังจากเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการแล้ว เลือกราคาใช้สิทธิ ซึ่งต้องแสดงทิศทางตลาดที่คุณคาดการณ์ จากนั้น เลือกวันหมดอายุที่คาดว่าจะปิดสัญญา
- ติดตามฐานะเป็นประจำ ภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตรวจสอบเป็นประจำจะช่วยให้ปรับกลยุทธ์ตามความผันผวนและการเคลื่อนไหวของราคาได้ ไม่มีกลยุทธ์ที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ แม้แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็อาจทำให้ขาดทุนได้
- ตั้งเป้าหมายเงินกำไรและผลขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ จำคำพูดที่ว่า 'ความโลภฆ่านักลงทุนที่ดี' และปิดฐานะเมื่อราคาหุ้นแตะราคาเป้าหมาย

1. กำไร
2. ราคาใช้สิทธิ
a. วัน
b. วันหมดอายุของออปชัน
วิธีเพิ่มโอกาสความสำเร็จ
เริ่มด้วยเงินไม่มาก หากยังใหม่กับการเทรดออปชัน ควรเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มาก เพื่อให้มีเวลาทำความเข้าใจตลาดและสะสมประสบการณ์ อย่าลืมว่าการเทรดมีความเสี่ยง ลงทุนด้วยเงินทุนที่สูญเสียได้เท่านั้น
ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนทุกคนใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุบริเวณเข้าและออกจากการเทรดที่เป็นไปได้มาหลายทศวรรษ นอกจากนี้ ใช้รูปแบบกราฟต่าง ๆ เช่น รูปแบบกราฟแท่งเทียนและฮาร์โมนิก ประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์
ไม่พลาดข่าวสาร นักลงทุนที่ดีจะติดตามข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่กระทบต่อตลาดอย่างสม่ำเสมอ เลือกบล็อกหรือช่องที่จะให้คุณทราบข่าวต่าง ๆ เช่น ราบงานผลประกอบการ ดัชนีราคาผู้บริโภค และปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่กระทบต่อสินทรัพย์ที่เลือกอย่างมีนัยสำคัญ
กระจายพอร์ตการลงทุน อย่าใส่เงินทุนทั้งหมดในสินทรัพย์เดียว สร้างพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ เพราะฐานะที่ไม่ทำกำไรจะชดเชยด้วยฐานะที่มีกำไร
ข้อสรุป
- ฐานะซื้อคอลออปชันเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ผู้ซื้อสร้างเงินกำไรจากเลเวอเรจได้
- องค์ประกอบหลักของฐานะซื้อคอลประกอบด้วยพรีเมียม (ผลขาดทุนสูงสุด) ราคาใช้สิทธิ และวันหมดอายุ ความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ + พรีเมียมที่จ่าย ณ วันหมดอายุ
- ข้อดีของฐานะซื้อคอลประกอบด้วยเลเวอเรจ ความเสี่ยงจำกัด ความยืดหยุ่นในการเลือกราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุ และศักยภาพการสร้างเงินกำไรสูงในตลาดขาขึ้น
- ข้อเสียประกอบด้วยโอกาสที่จะสูญพรีเมียมที่จ่ายทั้งจำนวน หากออปชันหมดอายุโดยไม่ใช้สิทธิ และการเคลื่อนไหวของราคาไม่เป็นเส้นตรงเนื่องจากค่าเดลต้า หมายถึงราคาออปชันจะไม่เพิ่มขึ้นตามราคาสินทรัพย์อ้างอิงในอัตราเดียวกัน
- ในฐานะนักลงทุนมือใหม่ คุณควรวิจัยตลาดและเริ่มด้วยเงินไม่มากในช่วงเริ่มแรก จงจำว่าการเทรดออปชันอาจทำให้ขาดทุนจำนวนมาก ดังนั้น ลงทุนด้วยเงินทุนที่สูญเสียได้เท่านั้น